ธุรกิจอเมริกาเหนือของ Uniqlo จะกลับมามีกำไรหลังจากการระบาดใหญ่เกิดขึ้น

แต่ในญี่ปุ่นที่กำลังเข้าสู่ยุคผู้สูงอายุ ฐานลูกค้าของยูนิโคล่กำลังลดลง ยูนิโคล่จึงใช้สถานการณ์การระบาดเป็นโอกาสในการ "เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่" และเริ่มต้นใหม่ในอเมริกาเหนือ สิ่งสำคัญคือ ยูนิโคล่ได้ยุติการลดราคาเกือบทั้งหมด โดยเน้นให้ลูกค้าคุ้นเคยกับราคาที่คงที่ แต่บริษัทได้หันกลับมามุ่งเน้นไปที่สินค้าเสื้อผ้าพื้นฐาน เช่น เสื้อผ้าลำลอง และการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจัดตั้งระบบคลังสินค้าอัตโนมัติเพื่อเชื่อมโยงสินค้าคงคลังจากร้านค้าจริงและร้านค้าออนไลน์
ณ เดือนพฤษภาคม 2565 จำนวนร้าน Uniqlo ในจีนแผ่นดินใหญ่มีมากกว่า 888 สาขา ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ยอดขายของ Fast Retailing Group เพิ่มขึ้น 1.3% จากปีก่อนหน้า เป็น 1.22 ล้านล้านเยน กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 12.7% เป็น 189,270 ล้านเยน และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 41.3% เป็น 154,820 ล้านหยวน รายได้จากการขายในญี่ปุ่นของ Uniqlo ลดลง 10.2% เป็น 442,500 ล้านเยน กำไรจากการดำเนินงานลดลง 17.3% เป็น 80,900 ล้านเยน รายได้จากการขายต่างประเทศของ Uniqlo เพิ่มขึ้น 13.7% เป็น 593,200 ล้านเยน กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 49.7% เป็น 100,300 ล้านเยน ซึ่ง 55% มาจากตลาดจีน ในช่วงเวลาดังกล่าว Uniqlo ได้เพิ่มร้านค้าสุทธิ 35 สาขาทั่วโลก โดย 31 สาขาอยู่ในประเทศจีน
แม้ว่าจะมีปัญหาการหยุดชะงักของคลังสินค้าและช่องทางจัดจำหน่ายในเซี่ยงไฮ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลกระทบต่อร้านค้า 15% และยอดขายบน Tmall ลดลง 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนในเดือนเมษายน แต่ Uniqlo ยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในจีนต่อไป อู๋ ปินฮุย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Uniqlo ประจำประเทศจีน ให้สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า Uniqlo จะคงอัตราการขยายสาขาในจีนไว้ที่ 80-100 สาขาต่อปี ซึ่งทั้งหมดเป็นสาขาที่ Uniqlo เป็นเจ้าของโดยตรง